หมอลำเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนานในชุมชนชาวอีสาน องค์ประกอบของหมอลำ ล้วนสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่น
บทและคำร้อง
หมอลำเริ่มต้นจากบทและคำร้องที่เป็นการขับร้องแบบ “ต่อกลอน” เนื้อบทของหมอลำส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นิทานพื้นบ้าน หรือวิถีชีวิตของชาวอีสาน ทั้งการแสดงยังเป็นแบบสดๆ ผู้แสดงจะต้องมีทักษะในการด้นสดและเล่าเรื่องให้ผู้ชมเข้าใจง่าย ทฤษฎีทางวรรณกรรมเคยชี้ให้เห็นถึงการสื่อสารผ่านวรรณกรรมพื้นบ้านว่าเป็นการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างผู้แสดงและผู้ชม ซึ่งถึงแม้ว่าทุกวันนี้การแสดงหมอลำอาจมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่โครงสร้างของการหยิบเรื่องราวก็ยังสะท้อนวัฒนธรรมที่เป็นรากของคนอีสานอยู่อย่างชัดเจน
การแต่งกาย
การแต่งกายของการแสดงหมอลำสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของชาวอีสาน ชุดหมอลำดั้งเดิมมักจะเป็นผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายทอมือ เป็นผ้าขาวม้าพาด ๆ พัน ๆท สะท้อนถึงฝีมือและวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากนี้ การใช้สีสันสดใสและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชนยังช่วยสะท้อนถึงอารยธรรมท้องถิ่นอีกด้วย แม้ว่าปัจจุบันเราอาจจะมองเห็นการแต่งกายที่สะท้อนอารยธรรมหรือวัฒนธรรมได้ยากขึ้น แต่หมอลำรุ่นใหม่ทุกวันนี้ก็ผนวกและผสานความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆของการแต่งกาย โชว์ หรือคอนเสิร์ตเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ จนเกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ถึงรูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป แต่จิตวิญญาณยังเหมือเดิม
ดนตรี
หมอลำไม่สมบูรณ์หากขาดเครื่องดนตรีที่สำคัญอย่าง แคน เครื่องดนตรีพื้นบ้านที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างบรรยากาศในงานแสดง การเป่าของแคนต้องสอดคล้องกับจังหวะการร้องและการเต้น ซึ่งทำให้หมอลำมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร นักวิชาการหลายท่านมองว่าการใช้ดนตรีพื้นบ้านในสังคมท้องถิ่นนั้น ก็เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางสังคมที่ใกล้ชิดขึ้น และสื่อสารกันได้มากขึ้น ทุกวันนี้อาจเห็นคอนเสริ์ตหมอลำที่ใช้เครื่องดนตรีทันสมัย อลังการ แต่ก็เป็นวิวัฒนาการของปรับตัวของอารยธรรมดนตรีที่ไม่นิ่งเดียวดายและจมหายไปกับกาลเวลา
ทั้งหมดเป็นเพียงเหตุผลสั้น ๆ ที่เราอยากจะยกมาให้เห็นว่าหมอลำเป็นหนึ่งในศิลปะที่ต้องอนุรักษ์และสืบสาน ไม่เพียงแต่เพื่อให้คงไว้ซึ่งศิลปะดั้งเดิม แต่ยังเพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถรับรู้ถึงรากเหง้าของตนเองในอีกทาง
ภาพประกอบ คือ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำประยุกต์) แม่ราตรีศรีวิไล บงสิทธิพร และลูกศิษย์